Tuesday, August 27, 2013

อ่านละครเรื่อง สาปพระเพ็ง วันที่ 28 ส.ค. 56

อ่านละครเรื่อง สาปพระเพ็ง วันที่ 28 ส.ค. 56

“นัง บ้า...แกไม่มีวันรู้หรอก หรือถ้าอยากรู้มาก ฉันจะแนะนำให้ รีบตามไปถามพี่ดำในนรกสิ” พูดจบสิริรัตน์สะบัดเดินออกไป เพชรดารีบเข้ามากอดปลอบหลานชายและพยายามกลั้นสะอื้นด้วยความเสียใจ

“ไม่มีอะไรนะ ไม่ต้องกลัว อาจะปกป้องหนู อาจะไม่ให้ใครทำร้ายหลานอา”

สิริรัตน์เดินหงุดหงิดเข้ามา อภิวัฒน์เอ่ยเตือนว่าอย่าอาละวาดเพชรดาต่อหน้าตำรวจอีก สิริรัตน์เหวี่ยงใส่ทันที อภิวัฒน์ ยิ้มไม่ถือสา เดินเข้าหาสิริรัตน์อย่างอารมณ์ดี


“ฉันจะห่วงเพชรมันทำไม...ห่วงเราสองคนดี
กว่า”

“แน่ใจนะว่าฉันจะไม่โดนตำรวจสงสัยไปด้วย”

“แน่นอน...ตราบใดที่เธอเชื่อฉัน...ทำ...พูด...ตามที่ฉันสั่ง”

“แล้วเมื่อไหร่จะแบ่งมรดกแม่คุณได้สักที”

“ก็รู้อยู่นี่นา...รื้อคดีใหม่ เงินก็ต้องชะงัก อดทนหน่อย ตำรวจมันจะทำคดีนี้ไปได้สักแค่ไหน ร่องรอย หลักฐานถูกเก็บกวาดเกลี้ยงหมดแล้ว”

“ถึงตอนนั้นคุณวัฒน์อย่าลืมสิริรัตน์นะคะ อย่าลืมว่าสิริรัตน์รับใช้คุณวัฒน์...เต็มที่ขนาดไหน”
 สิริรัตน์โอบประคองอภิวัฒน์ไว้แน่น พลางทอดน้ำเสียงวาบหวามแววตาหยาดเยิ้ม อภิวัฒน์ก้มลงซุกไซ้

ด้านวิกกี้ข้องใจเรื่องโรคประหลาดของน้องสาว จึงซักไซ้ถามอาการจากรัดเกล้า

“เกล้าไม่รู้จริง ๆ ค่ะ มันเจ็บเหมือนโดนแทง...หายใจไม่ออก”

“อย่าบอกนะว่าพอเจอผู้ชายแปลกหน้า โรคประหลาดก็กำเริบ”

“เกล้าไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นะคะ พี่วิกกี้ เกล้าเพิ่งไม่สบาย ตั้งแต่...เกล้าฝันเห็นอดีต”
“งั้นแกก็ห้ามฝันถึงอดีต”

“เกล้าบังคับตัวเองไม่ได้”

“ตัวแกเองทำไมจะบังคับไม่ได้ ฉันให้เวลาแกอาทิตย์เดียว รักษาตัวให้หาย อย่าให้ใครมาดูถูกได้ว่า แกอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง...จำไว้นะ รัดเกล้า ... ความเป็นผู้หญิง มันไม่มีสิทธิทำให้เราอ่อนแอต่อหน้าทุกคน แกต้องเข้มแข็งให้สมกับที่เป็นน้องสาวคุณวิกกี้ จำไว้” วิกกี้จ้องหน้าน้องสาว แววตาสั่งสอน

ค่ำคืนนั้นรัดเกล้าและไผ่ต่างก็ฝันร้ายเหมือนกัน เห็นนรสิงห์ยกดาบแทงลงที่อกติสสาทะลุอกมรันมา...รัดเกล้ารู้สึกลุกขึ้นมา ร้องไห้ เพราะ รู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายในอก ส่วนไผ่สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา แปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนรัดเกล้า

เช้าวันใหม่ รัดเกล้าพยายามหลบเลี่ยงหรือการถูกเนื้อต้องตัวกับไผ่ จนไผ่รู้สึก

“นี่กลัวหรือรังเกียจ” ไผ่ถามอย่างอยากรู้

“ถ้าไม่มีอะไร เกล้าขอตัวค่ะ”

รัดเกล้าจะรีบออก ไผ่เดินเร็วมาขวางหน้าประตู

“รัดเกล้า มองผม”

รัดเกล้าไม่ยอมหัน ไผ่เรียกซ้ำ

“มองผมสิ กลัวผมทำไม...มองผม อย่าหนีหน้าผม อย่ากลัวผม รัดเกล้า...ผมไม่มีวันทำร้ายคุณ”

ไผ่ประคองหน้ารัดเกล้าหันมาจ้อง รัดเกล้าหน้าตื่น ตกใจ ส่ายหน้าที่อยู่ในอุ้งมือไผ่ พลันแสงสีขาวเริ่มเปล่งประกายระหว่างมือไผ่กับหน้ารัดเกล้าอาการเจ็บเริ่มมา

“ปล่อย เกล้าไม่ไป...เกล้าไม่อยากฝัน ...ไม่อยาก...เกล้าไม่ไปที่นั่นอีก”

รัดเกล้าส่ายหน้าร้องอย่างหวาดกลัว แสงระหว่างมือไผ่กับรัดเกล้าสว่างมากขึ้น

“ไม่ เกล้าไม่ไป พอกันที...เกล้าไม่ไป”

“ไปไหน รัดเกล้า คุณจะไปไหน”

รัดเกล้าจะปัดมือไผ่ออก แสงขาววาบพุ่งแรงแล้วอ่อนแสงหายไป แล้วมือรัดเกล้าฟาดไปที่หน้าไผ่เต็มแรง

“เกล้า...เกล้าไม่ได้ตั้งใจ” รัดเกล้ามองตกใจ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า รัดเกล้า คุณจะไปไหน”

ไผ่จะเดินเข้าหา รัดเกล้ารีบถอย

“อย่าเข้ามา... คุณอย่ามายุ่งกับเกล้าเลยนะ ...ใกล้คุณ เกล้าเจ็บ เกล้าทรมาน”

ไผ่ชะงักมองรัดเกล้า ที่ขอร้องด้วยเสียงวิงวอน น้ำตาคลอ ก่อนจะวิ่งออกไป....ด้านวิกกี้กับวิวมามาหาข้อมูลที่บ้านนรสิงห์ที่บ้านอีก ครั้ง

“ถ้าจะถามเรื่องบ้านอภิมุข...ฉันตอบได้แค่ว่า...ต้นเหตุคือ... ผู้หญิง...” นรสิงห์เอ่ยหน้านิ่ง

“ผู้หญิงคนไหนครับ” นรสิงห์นิ่งไม่ตอบ มองจ้องเหมือนจะให้วิวนึกเอง ขณะที่วิกกี้ที่ร้อนรน ถามด้วยเสียงอยากรู้มาก

“ผู้หญิงคนไหน...คนไหนคือฆาตกร”

เวลาเดียวกัน พัทธ์ นำทีมสืบมียอดชาย มุรธา จนท.พิสูน์หลักฐาน มาเก็บหลักฐานและสอบปากคำคนในบ้านอภิมุขอีกครั้ง

“นี่พูดกันไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ย บอกแล้วว่าบ้านผมเป็นสถานที่ส่วนตัว” อภิวัฒน์บอก

พัทธ์จ้อง ประสานสายตากับเพชรดา

“ผมมีหมายศาลมาด้วย ผมขอค้นทุกห้อง และจะคุยกับทุกคนในบ้านหลังนี้”

เพชรดาหน้าตึงเรียบ แต่แววตาวาบความไม่พอใจ รู้ดีกว่าพัทธ์หมายถึงการสอบปากคำตาหนึ่งหลานชายด้วย

“ผมอยากถามเรื่องลูกชายคุณอภิมุข”

“คุณมองไม่ออกเหรอว่าเพชรมันเอาเด็กเป็นตัวประกัน” อภิวัฒน์ยิ้มเยาะ

พัทธ์มองอภิวัฒน์ สายตาสงสัย

“เด็กคนนั้นมีส่วนในมรดก”

“มีสิคะ...ลูกพี่ดำทั้งคน ต่อให้นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทรา ก็ยังถือว่าเป็นทายาท...ย่อมมีส่วนแบ่ง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลบริหารเงินของผู้จัดการมรดก”

พัทธ์มองทั้งมาริษาและอภิวัฒน์

“ทีนี้เข้าใจหรือยังว่า ทำไมเพชรมันถึงเกาะหลานไม่ยอมปล่อย ได้เป็นผู้จัดการมรดกของตาหนึ่งเมื่อไหร่ เท่ากับมันจะได้สมบัติของหลานไปตั้งตัว”

เพชรดาเห็นพัทธ์ยืนอยู่ข้างอภิวัฒน์กับมาริษาที่ยิ้ม จ้องมาที่ตัวเองก็รู้แล้วว่า ตัวเองกำลังกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาพัทธ์ เพชรดาเดินออกไป พัทธ์เดินตาม อภิวัฒน์กับมาริษาหันมายิ้มกันอย่างสมใจ

พัทธ์เห็นเพชรดารีบดันหลานกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู พัทธ์วิ่งมา เพชรดาขวาง

“คุณไม่มีสิทธิกักขังเด็กคนนั้น”

“ฉันไม่ได้กักขัง ฉันไม่ต้องการให้เค้ากระทบกระเทือนใจเรื่องพ่อ”

“คุณจะปิดไปได้นานแค่ไหน เค้าพ่อลูกกัน หรือว่าที่ไม่อยากให้เด็กรู้ เพราะเหตุผลอื่น”

“คิดได้เท่านี้เองหรือ ผู้กองพัทธยา... ฉันมองผิดไปจริง ๆ ที่คิดว่าคุณจะฉลาด”

พัทธ์โมโหดันเพชรดาออก ทุบประตูเรียกหนึ่งให้เปิดประตู เพชรดาตะโกนสั่งห้าม อภิวิฒน์ มาริษาตามขึ้นมา “เพชร...ในเมื่อเธออยากเปิดคดีนี้ขึ้นมาใหม่ เธอก็ควรจะให้ตำรวจทำงานของเค้าสิ” มาริษาเสนอ

“งานของเค้าคือตรวจห้องทำงานพี่ดำค่ะ ไม่ใช่มายุ่งกับตาหนึ่งในห้องนี้”

เพชรดามองพัทธ์อย่างไม่กลัว อภิวัฒน์ ทั้งทุบทั้งตะโกนเรียกหนึ่งให้เปิดประตู แต่ด้านในก็ยังเงียบ ยอดชายบอกว่าหนึ่งคงฟังเพชรดาคนเดียว พัทธ์หันไปใส่เพชรดาทันที

“คุณทำแบบนี้ บังคับเด็กไว้กับตัวเอง มันไม่ดีกับใครเลยนะ...คุณเพชร”

“คุณมีหน้าที่สอบสวน ไม่ได้มีหน้าที่สั่งสอน ทำหน้าที่ของคุณให้ดีก่อนสิคะ...ผู้กอง...ในบ้านนี้มีฉันคนเดียวหรือเปล่าที่น่าสงสัย”

เพชรดาหันไปทางอภิวัฒน์กับมาริษา พัทธ์เห็นสายตาเพชรดาก็สวนขึ้น

“ผมสอบสวนทุกคน”

“แต่ฉันคงพิเศษกว่าคนอื่น เพราะเห็นคุณเอาแต่ตามฉัน”

“แกมันบ้า เพชร หาเรื่องใส่ทุกคนในบ้านนี้จริง ๆ”

อภิวัฒน์และมาริษามองเพชรดาด้วยสายตารังเกียจ หันหลังเดินออกไปแบบไม่อยากยุ่งด้วย

“ผมอยากคุยกับตาหนึ่ง”

“ไม่ได้...คุณจะทำให้เด็กตกใจ”

เพชรดายืนยัน ขวางประตูเต็มที่ พัทธ์เห็นแววตาแล้วก็ตัดสินใจถอยกลับไปก่อน

ภายในสำนักงานสืบฯ รัดเกล้านั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ วิกกี้เดินเร็วมาดึงรัดเกล้าออกไป จนทุกคนตกใจ

“ไปกับฉัน”

รัดเกล้าตั้งท่าจะถาม แต่ไม่ทันเพราะพี่สาวพูดเร็วมาก

“ฉันกลับมารับแกไปบ้านคุณนรสิงห์ เค้าบอกว่าแกต้องอยู่ด้วย ถึงจะยอมเล่า”

ไผ่ที่ยืนมองอยู่ เดินเร็วเข้ามา

“ไม่ได้...รัดเกล้าไปบ้านนั้นไม่ได้ รัดเกล้ายังไม่หายดี” ไผ่เดินเข้ามา

“นี่คืองานของชั้น หน้าที่ความรับผิดชอบของชั้น แล้วนี่ก็น้องสาวชั้นหน้าไหน...ก็อย่าคิดจะขวาง”

“นี่คุณจะห่วงงานมากกว่าชีวิตน้อง”

“รู้ไว้ด้วยนะ ผู้กองไผ่ ยายเกล้ามันป่วย เพราะมีคนหื่น ห่ามอย่างคุณมาป้วนเปี้ยน มันสะอิดสะเอียนขี้หน้า จนทนไม่ไหว ถึงได้เป็นลมซ้ำซาก” วิกกี้ใส่ฉอด ๆ

“แล้วทำไมต้องเป็นรัดเกล้า แค่คุณกับวิวก็พอแล้ว ถ้านรสิงห์จะเล่า”

“ฉันไม่ได้มีสนิมมาเกาะสมอง ถึงจะคิดอะไรไม่เป็น ฉันสงสัยนรสิงห์เค้าบอกว่า...ผู้หญิงคือฆาตกร ทำไมเค้ารู้ เพราะฉะนั้นอะไรที่จะทำให้เปิดปากเค้าได้... ฉันต้องทำ”

วิกกี้ดึงรัดเกล้าออกไป ไผ่มองฮึดฮัด วิวเสนอขึ้น

“ห่วงมากก็ไปด้วยกันสิครับ ผู้กอง...ง่ายนิดเดียว”

วิวตามวิกกี้ออกไป ไผ่มองแล้วตามออกไปอีกคน...เวลาเดียวกันความโกลาหลก็เกิดขึ้นที่บ้านอภิมุข เมื่อพัทธ์นำเจ้าหน้าที่ประชาสังเคราะห์มาพูดคุยกับหนึ่ง แต่เพชรดาไม่ยอมจึงเกิดการยื้อแย่งตัวหนึ่งกับสิริรัตน์ พัทธ์มองลำบากใจ ตรงข้ามมาริษากับอภิวัฒน์ยืนมองอย่างสะใจ ที่เห็นเพชรดาทุรนทุราย

“คุณเพชร เห็นแก่หลานเถอะ ปล่อยหลานคุณก่อน เราแค่ขอตัวไปให้หมอตรวจ”

“ตาหนึ่งไม่ได้เป็นอะไร”

“ตาหนึ่งมันจะเป็นบ้าเหมือนแกแล้ว ปล่อยหลาน เพชร” อภิวัฒน์สั่ง

“เข้าไปช่วยสิ เอาออกมาให้ได้” มาริษาหันมาบอก

มุรธาเข้ามารวบตัวเพชรดา สิริรัตน์ได้โอกาส ผลักเพชรดาออกไป ยอดชายเข้ามารับเด็กส่งให้เจ้าหน้าที่ และรีบพาออกไปขึ้นรถตู้ เพชรดาวิ่งตามแต่ไม่ทัน ทุกคนที่ตามออกมาเห็นเพชรดาทรุดลงประตูอย่างหมดแรง พวกอภิวัฒน์ยิ้มเยาะสะใจ ตรงข้ามกับพัทธ์สีหน้าไม่ดีรีบเข้ามาดึงแขนเพชรดาให้ลุกขึ้น เพชรดาน้ำตาคลอมองพัทธ์สายตาแข็งกร้าว ปัดมือเขาออกทันที ยืดตัวตรง เหมือนหุ่นยนต์ ตัดทุกอย่างรอบตัว ไม่สนใจใครทันที

“ผู้กองเค้าทำถูกแล้วนะ เพชร...ตาหนึ่งหลานเราต้องการรักษา ไม่ใช่แกจะเก็บเอาไว้หาประโยชน์ใส่ตัว”

“ให้เวลาเพชรเค้าทำใจหน่อยเถอะค่ะ อยู่ ๆ ก็ต้องหมดสิ้นทุกอย่างในคราวเดียว...ไม่เหลืออะไรให้หวังต่อ”

เพชรดาจ้องอภิวัฒน์กับมาริษาอย่างไม่พอใจ

“เอาไงครับ ผู้กอง ท่าทางคุณเพชรเธอจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว” ยอดชายถามพัทธ์

พัทธ์เดินเข้ามาเพชรดา เอ่ยอธิบายปลอบ

“เราไม่ได้แย่งหลานไปจากคุณ ผมแค่ขอให้หมอตรวจยืนยันว่าตาหนึ่งแกป่วยเป็นอะไรบ้าง แล้วผมจะรีบพาเค้ากลับมา”

เพชรดาจ้องพัทธ์ไม่พูดอะไร หันหลังเดินเข้าบ้าน ไปเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตจิตใจ แล้วหลบมานั่งร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน แต่ไม่มีเสียงร้อง พัทธ์ ยืนมองอยู่สีหน้าสับสนเมื่อเห็นสภาพเพชรดาที่เหมือนคนหัวใจสลาย เมื่อถูกพรากเอาของรักไปจากอก

ในที่สุดวิกกี้ก็พารัดเกล้ามาพบนรสิงห์จนได้ พอไผ่จะเข้านั่งข้างน้องสาววิกกี้ก็เข้ามากันไว้ พลางส่งสัญญาณให้วิวนั่งข้าง ๆ แทน รัดเกล้าถูมือที่ชุ่มเหงื่อ ไม่อยากมองนรสิงห์ที่นั่งตรงหน้า

“มากันครบแล้ว” นรสิงห์เอ่ยขึ้นหลังไล่ดูทีละคน

“ตกลงว่าใครคะ เป็นฆาตกร” วิกกี้รีบถาม

นรสิงห์ไม่ตอบ รัดเกล้าไม่อยากมองหน้านรสิงห์ ก้มลงเปิดสมุด หยิบปากกาจะจด มือสั่น

“จะเขียนอะไรลงไป รัดเกล้า...ชื่อฉันหรือเปล่า” นรสิงห์มองรัดเกล้าเขม็ง

ไผ่จะลุกขึ้น แต่นรสิงห์แค่ตวัดสายตามามอง ไผ่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้

“คุณเจอคุณอภิมุขกับพี่น้องเค้าบ่อยมั้ยคะ” วิกกี้เริ่มหาข้อมูล

นรสิงห์มองวิกกี้ วิกกี้เหมือนโดนสะกดให้หยุดคิด หยุดทุกอย่าง วิกกี้ค้างอยู่ในท่าที่มองนรสิงห์

“บ้านนั้นมีใครเข้าออก...แปลกหน้าบ้าง มั้ยครับ”

แล้ววิวก็ถูกนรสิงห์สะกดไปอีกคน ไผ่เห็นวิวกับวิกกี้นิ่งไปทั้งคู่ ก็ท้วงขึ้น

“เงียบทำไม...ถามต่อสิ”

นรสิงห์ส่งพลังสะกดไผ่ให้หยุดนิ่งไปอีกคน จนถึงรัดเกล้าที่ก้มหน้าไม่มอง เธอมือกำปากกาแน่นด้วยความเกร็งและกลัว เลยไม่เห็นว่าทั้งสามคน ถูกสะกดนิ่งไปหมดแล้ว

“เงยหน้ามองฉันสิ...รัดเกล้า...มองฉัน”

รัดเกล้าเหมือนถูกบังคับขึ้นให้มองด้วยเสียงทรงอำนาจของนรสิงห์ แล้วเธอมองเผชิญหน้านรสิงห์

“รู้มั้ยว่าฉันรอมานานแค่ไหน...กว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง”

ดวงตานรสิงห์เหมือนมีเปลวไฟลุกวาบ รัดเกล้ากลัวจน เบือนหน้าหนี และแล้วสติขาดวูบไปทันที...รัดเกล้าตื่นขึ้นมาในวิหารปุระอมร เห็นองค์นรสิงห์ที่อยู่บนบัลลังก์กำลังสั่งสีหสา

“เจ้ากับคนของเจ้า ต้องหาให้เจอว่าหญิงสองนางที่จะห้ำหั่นกันด้วยความริษยาจนช่วยให้เราทำลายศรีพิสยาลงโดยง่ายคือใคร”

“ทำไมไม่ใช้วิธีของข้า...ยกทัพไปบด ขยี้มัน แทนที่จะมาใช้วิธีเยี่ยงคนขลาดอย่างสุเลวิน”

“ทุกครั้งที่ข้าสั่ง เจ้าไม่เคยมีคำถามเลย...สีหสา”

เสียงของนรสิงห์ดังก้อง สีหสารู้ได้ทันทีว่านรสิงห์โกรธ

“ข้าใจร้อน อยากเอาหัวของทุกคนในราชวงศ์ศรีพิสยามาถวายแทบบาทท่าน”

“ไปกับคนของเจ้า...เอาคำตอบมา แล้วข้าจะเป็นคนสั่งเองว่า เมื่อไหร่ที่กองทัพอันแข็งแกร่งของข้าจะเหยียบศรีพิสยา”

สีหสาไม่พอใจที่นรสิงห์สั่งให้ทำตามคำแนะนำของสุลเวิน จึงมาซ้อมฟันดาบกับวาเรและไพลินที่ลานฝึกอาวุธเพื่อระบายอารมณ์...ติสสา ตัดสินใจขออนุญาตเจ้าปรันมาแต่งงานกับมรันมา

“ข้ารู้ว่าไม่ควรรีบพูดเรื่องนี้ มันผิดประเพณี แต่ข้าอยากขอแต่งงานกับมรันมา”

“ลุกขึ้น ติสสา...ทำไมถึงคิดว่า ข้าจะไม่อนุญาตในเรื่องน่ายินดี ข้าเห็นความรัก ที่เจ้าซุกซ่อนไว้ในใจมาตั้งแต่เด็ก แล้วยิ่งถ้าเป็นการพาตัวมรันมาออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยาได้...ข้าก็ยินดี มาก ในงานฉลองบูชาพระเพ็งข้าจะสถาปนามรันมาให้เป็นน้องนางแห่งศรีพิสยา แล้วหลังจากนั้นข้าจะจัดงานแต่งงานให้เจ้าเอง...สิ่งใดที่จะทำให้คนสำคัญคน นี้ของศรีพิสยามีความสุข...ข้าสมควรต้องทำ” ปรันมายิ้มยินดี หลังได้รับอนุญาตจากเจ้าปรันมา ติสสาพามรันมามาพายเรือเล่น โดยไม่รู้ว่าอสุนีแอบซุ่มดูอยู่ห่าง ๆ

“น้องน้อย...ขอให้พี่ชายเป็นคนปกป้องน้องน้อยตลอดชีวิต”

“พี่ชายดีกับน้องน้อยมา ตั้งแต่วันแรกของชีวิต...ไม่เคยมีวันไหนเลยที่พี่ชายทำให้น้องน้อยต้อง ร้องไห้ อยู่กับพี่ชาย หัวใจน้องน้อยมีแต่รอยยิ้ม”

ติสสาดึงร่างมรันมาใกล้ กุมมือมรันมาแตะลงที่หัวใจ

“เป็นยิ้มที่พี่ชายยอมตาย เพื่อให้ได้เห็นทุกคืนทุกวัน ขอให้น้องน้อยได้รู้...อกของพี่ชายจะเป็นความอบอุ่นสำหรับน้องน้อยตลอดไป”

“ไม่ว่าเกิดกี่ร้อยกี่พันชาติ...หัวใจของน้องน้อยก็จะเป็นของพี่ชายคนเดียว”

“พี่ชายขอสัญญา พี่ชายจะไม่ยอมให้ความเศร้า ความทุกข์ใด ๆ เข้ามาใกล้น้องน้อยของพี่ชายได้อีก”

ติสสาจูบมรันมาแล้วกอดกระชับสาวน้อยไว้แนบอก...แล้วความสุขเมื่อครู่ก็มลาย หายไปเมื่ออุตลาลากตัวมรันมาเหวี่ยงลงไปที่หน้าแทบเท้าเจ้านางอินยา

“คิดว่าการแต่งงานจะทำให้เจ้าพ้นความทรมานไปจากที่นี่ได้ใช่มั้ย...มรันมา”

“ข้าไม่เคยหาวิธีหนี ถ้ามันเป็นชะตากรรมของข้า”

“มันกล้าเถียงเจ้านาง คงคิดว่ามีผัวแล้วจะช่วยได้ทุกสิ่ง”

อุตลาหยิบแส้ส่งให้ เจ้านางอินยารับมาถือเงื้อจะฟาด มรันมาจ้องมอง ไม่หลบตา

“แววตาของเจ้า แววตาของแม่...นังอเลยา”เจ้านางอินยาปาแส้ลงพื้น อุตลารีบไปเก็บ

“ข้าเฆี่ยนให้เอง”

“หยุด...เจ้าอยากให้ข้าเป็นเจ้านางที่โหดร้ายในสายตาทุกคน แล้วเจ้าจะเอาแผลที่หลังไปอวดอ้อนระริกกับติสสา เหมือนกับที่แม่เจ้า เคยออดอ้อนจนเจ้าศรีพิสยาให้หลงใหล แล้วก็ทอดทิ้งตำหนักนี้...ทอดทิ้งข้าไป...เจ้าจะไม่ได้ออกไปจากที่ นี่...มรันมา เจ้าจะไม่ได้ออกไปจากตำหนักของข้า...จนวันตาย”

เจ้านางอินยาเหวี่ยงร่างมรันมาไปกระแทกผนัง ก่อนจะเดินออกไป...มรันมาหลบมานั่งร้อง ไห้ใต้ต้นไม้ เห็นเงาคนเดินมาก็ยิ้มดีใจคิดว่าเป็นติส สา หันไปเห็นเป็นเจ้าปันแสง มรันมารีบลุกจะเดินหนี เจ้าปันแสงคว้ามือมรันมาทันที

“จะร้องเรียกให้ติสสามันมาช่วย...คงจะไม่ทันนะเจ้าสาว...เจ้าเป็นทาสของ ตำหนักเจ้านางอินยา ยังไงก็ต้องเป็นสมบัติของข้า ก่อนจะถูกส่งตัวไปให้คนอื่น”

เจ้าปันแสงกระชาก มรันมาไม่ยอมจิกเล็บลงที่แขน เจ้าปันแสงเจ็บเข้ามาตบมรันมาคว่ำอยู่กับพื้น ติสสามาเห็นคนรักถูกรังแกก็โมโห ชักดาบออกมา เจ้าปันแสงก็ชักดาบแล้วเล่นงานก่อน ติสสาหลบได้ แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กัน...ที่สุดแล้ว เจ้าปันแสงสู้ติสสาไม่ได้ เจ้าเล่ห์พุ่งเข้าไปคว้ามรันมาเป็นตัวประกัน

ติสสาโมโหสุดขีด กระชากเจ้าปันแสงไว้ได้ก่อนถึงตัวมรันมา เจ้าปันแสงจะแทง แต่ติสสาไวกว่าเอาดาบจ่อไปที่อกศัตรูหัวใจ...ทันใดนั้น อสุนี พาทหารของเจ้านางอินยาล้อมติสสาไว้

“ปลายดาบของแกกำลังจะตัดคอตัวเองแล้ว ติสสา” เจ้าปันแสงยิ้มร้าย

ในท้องพระโรงเวลาต่อมา เจ้าปรันมามองติสสาและมรันมาที่คุกเข่าลงต่อหน้า อีกด้านคือเจ้าปันแสง เมฆาและมารุตยืนตรงข้ามอสุนี

“โทษของทหารที่กล้าเอาดาบแตะต้องราชวงศ์ คือบั่นคอเสียบประจาน”

“แม่ทัพติสสาช่วยข้าจากเจ้าปันแสง” มรันมาชิงพูดก่อน

“เงียบไป มรันมา...ติสสาเป็นคนรักของเจ้า เจ้าจะพูดยังไงก็ได้...หรือว่าจะไม่ยอมรับ ติสสาว่าเอาดาบจ่ออกข้า”

“ปันแสง เจ้าเริ่มก่อน...เจ้าทำร้ายมรันมา” เจ้าปรันมาเอ่ยขึ้น

“มันเป็นทาสของแม่ข้า”

“มรันมาไม่ใช่ทาส งานฉลองบูชาพระเพ็งคราวนี้ ข้ากำลังจะสถาปนามรันมาเป็นน้องนางคนใหม่แห่งศรีพิสยา”

“ไม่อายเลยหรือ พี่ปรันมา คิดสถาปนาลูกชายชู้หญิงชั่วขึ้นเป็นน้องนาง” เจ้าปันแสงเยาะเย้ย

มรันมาหน้าชา น้ำตาคลอเมื่อถูกกระทบเรื่องอดีตของแม่

“เรื่องสนมอเลยากับชายชู้...เป็นแค่ข้อกล่าวหาของเจ้านางอินยา ไม่เคยมีการสอบสวนอย่างจริงจัง”

“ไม่ต้องสอบสวน เพราะแม่ข้าไม่เคยโกหก เชิญเลย ถ้าจะเอาใจแม่ทัพ ด้วยการอุ้มชูลูกหญิงชั่วให้คนกราบไหว้ ทำลายเกียรติศรีพิสยา...แต่ช่วยให้ความยุติธรรมกับข้า...น้องคนนึงด้วย ผู้คนจะได้ไม่กล่าวหาว่าเจ้าปรันมา เห็นแก่คนสนิทจนลืมความเป็นพี่เป็นน้อง”

เจ้าปันแสงกราดสายตาจ้องเจ้าปรันมาอย่างไม่กลัวเกรง และมาจ้องที่ติสสาด้วยความเกลียดชัง

“ลงโทษติสสา เอาไปขังจนกว่าจะพ้นคืนบูชาพระเพ็ง” เจ้าปรันมาสั่งเสียงทรงอำนาจ

“แค่ขังไม่ได้ โทษมันคือตาย” เจ้าปันแสงสั่ง

“ข้าจะไม่ยอมเสียแม่ทัพที่สละชีวิตปกป้องดินแดน เพราะเหตุที่เค้าไม่ได้ก่อ ปันแสง สำหรับเจ้า ห้ามเข้าใกล้มรันมาอีก...ห้ามคนของตำหนักเจ้านางอินยาทำร้ายมรันมา” เจ้าปรันมาประกาศ เจ้าปันแสงได้แต่มองไม่พอใจ ติสสาก้มหน้ารับการลงโทษ ...เจ้านายอินยาขุ่นแค้นใจยิ่งนัก เมื่อเห็นเจ้าปรันมาเดินเข้ามา เจ้านางก้าวขึ้นไปยืนบนขั้นที่สูงกว่าเจ้าปรันมาอย่างจงใจ

“แม้แต่เจ้านางของตำหนัก ยังไม่อาจเอื้อมลงโทษนางทาสที่ต้องคดี...ช่างมีความยุติธรรมเสียเหลือเกิน สมกับที่ จะเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต” เจ้านางอินยาพูดเหน็บ

“และความยุติธรรมต่อมา ที่ข้าจะมอบให้คนอีกคน...คนที่สมควรจะได้รับมานานแล้ว”

เจ้านางอินยามองจ้องปรันมา แววตาวาบด้วยความหวัง

“ปันแสงลูกข้า”

“ข้าจะสถาปนามรันมา ให้เป็นน้องนางคนใหม่แห่งศรีพิสยา แต่ก่อนจะถึงงานสถาปนา ...ห้ามคนของตำหนักเจ้านางอินยาทำร้ายมรันมาแม้แต่ปลายผม...และหลังจากงาน สถาปนา เจ้าปรันมาดังอย่างจงใจสั่งให้ทุกคนตรงนั้นได้ยินกันทั่ว แล้วหันมาจ้องสบตากับเจ้านางอินยา

“ข้า เจ้าปรันมา เจ้าเหนือชีวิตแห่งศรีพิสยา จะจัดงานแต่งงานให้ น้องนางมรันมากับแม่ทัพติสสา”

เจ้านางอินยาเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเจ้าปรันมาที่ตั้งใจเน้นทุกคำ แล้วเดินออกไปสีหน้าเจ้านางอินยาเต็มไปด้วยความอาฆาตคั่งแค้น

“จะไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีงานฉลองน้องนางองค์ใหม่ เพราะข้าจะให้มรันมามันตายก่อนงานฉลองบูชาพระเพ็ง”

“ข้าได้ยินว่า มีพ่อค้าต่างเมืองมาขายของ ...เค้าว่ามันไม่ได้ขายแค่น้ำหอมอย่างเดียว...มันขาย...ความตาย”

1 comments:

Followers